นายกรัฐมนตรี นำ 14 หน่วยงาม ประกาศสงคราม “สแกมเมอร์”
นายกรัฐมนตรี นำภาคี 14 ลงนาม MOU ประกาศสงคราม “สแกมเมอร์” เป็นวาระแห่งชาติ ย้ำ ประเทศไทยปลอดภัยจากสแกมเมอร์
เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 68 ฃนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในวันนี้ มี 14 หน่วยงานเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย สำนักงาน ปปง. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ป.ป.ท. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำนักงาน กสทช. สำนักงาน กลต. กรมสอบสวนคดีพิเศษ สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการบูรณาการข้อมูลและมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ
นายอนุทิน กล่าวว่า ในนามของรัฐบาลและข้าราชการผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ได้มาร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทย ที่ได้รวมพลังและประกาศสงครามกับอาชญากรรมออนไลน์
“สงครามนี้เป็นสงครามที่เราจะต้องชนะให้ได้เท่านั้น เพื่อปกป้องพี่น้องประชาชนทุกคนจากภัยของเหล่าสแกมเมอร์ที่กำลังบ่อนทำลายประเทศอยู่ทุกวัน เพราะเมื่อมีเพียงคนหนึ่งตกเป็นเหยื่อ ครอบครัวทั้งครอบครัวก็จะได้รับผลกระทบทั้งทางร่างกาย จิตใจ และชีวิตความเป็นอยู่ คนจำนวนมากต้องเผชิญความทุกข์ ความเครียดอย่างแสนสาหัส ศักยภาพและชื่อเสียงของประเทศถูกบ่อนทำลายจากการกระทำของมิจฉาชีพ ภาพลักษณ์ของประเทศถูกบั่นทอน ความเชื่อมั่นในประเทศไทย ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ความเสียหายที่เกิดจากภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีมากมายจนไม่อาจประเมินค่าได้ นี่คือภัยคุกคามความมั่นคงอันดับต้นๆ ของประเทศ รัฐบาลจึงประกาศอย่างชัดเจนว่า อาชญากรรมทางเทคโนโลยีคือวาระแห่งชาติ ที่ต้องได้รับการแก้ไข ป้องกัน และปราบปรามให้หมดสิ้นไป” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอขอบคุณผู้บริหารทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนทุกท่านที่ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจในวันนี้ สิ่งที่เราได้ลงนามร่วมกัน ไม่ใช่เพียงเอกสาร แต่คืออาวุธ ที่จะใช้ในการต่อสู้กับอาชญากรอย่างเป็นระบบ เพราะนี่ไม่ใช่ภารกิจของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หากแต่เป็นภารกิจร่วมกันของประเทศ รัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกด้าน ทั้งงบประมาณ เทคโนโลยี นโยบาย และทรัพยากร เพื่อให้การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอาชญากรรมออนไลน์ เห็นผลเป็นรูปธรรม ทั้งในระยะสั้นและยั่งยืนในระยะยาว เพื่อให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากสแกมเมอร์ และเป็นดินแดนต้องห้ามของอาชญากรรมทุกรูปแบบ ประเทศไทยต้องปลอดภัยจากสแกมเมอร์ให้ได้
บันทึกความเข้าใจ (MOU) ฉบับนี้ มีจุดประสงค์เพื่อขับเคลื่อนการปฏิบัติการเชิงรุกใน 5 ด้านหลัก ได้แก่
- การบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ทั้งต่อผู้กระทำความผิดและผู้สนับสนุนเบื้องหลัง
- การสร้างระบบประสานงานแบบบูรณาการ เชื่อมโยงข้อมูลข่าวกรองและการสืบสวน
- การยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทันที ตัดเส้นทางการเงินของอาชญากร ไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานฟอกเงิน
- การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อตรวจจับเส้นทางเงินและพฤติกรรมของมิจฉาชีพ ป้องกันก่อนเกิดเหตุ
- การสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนมีความรู้เท่าทัน แจ้งเบาะแส และช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการต่อสู้กับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
“ภาพที่เห็นในวันนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างจริงจัง และวันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า “ไม่มีใครจะนิ่งเฉยต่อภัยอาชญากรรมที่ทำร้ายประเทศไทยได้อีกต่อไป” ผู้บริหารทุกท่านที่มาร่วมในวันนี้ทุกท่านมีเจตนารมณ์แน่วแน่ในการร่วมกันปกป้องพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัยจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างแท้จริง” นายอนุทิน กล่าวในช่วงท้าย
#สแกมเมอร์ #สงครามสแกมเมอร์ #14หน่วยงานปราบ #ข่าวจริง #thefacts #facts #fact

