สินค้าราคาแพงขึ้น 187 รายการ ดันเงินเฟ้อ ต.ค.65 พุ่งต่อ 5.98%
สินค้าราคาแพงขึ้น 187 รายการ ดัน เงินเฟ้อเดือนต.ค.65 พุ่ง 5.98% แต่เริ่มมีสัญญาณชะลอตัวลง 2 เดือนติดหลังราคาน้ำมันลง
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย เดือนต.ค.65 เท่ากับ 108.06 เพิ่มขึ้น 5.98% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัว 2 เดือนติดต่อกัน ตามการชะลอตัวของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และสินค้าในกลุ่มอาหารบางรายการ ส่งผลให้เงินเฟ้อรวม 10 เดือนของปี 65 (ม.ค.-ต.ค.) อยู่ที่ 6.15% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกเพิ่ม 3.17% เฉลี่ย 10 เดือน เพิ่ม 2.35%
“จากการสำรวจราคาสินค้าทั้ง 430 รายการในเดือนต.ค.65 พบว่ามีสินค้าที่ราคาเพิ่มขึ้น 187 รายการ ลดลง 79 รายการ และเท่าเดิม 164 รายการ ส่งผลให้เงินเฟ้อยังมีเพิ่มขึ้นอยู่ แต่เมื่อเทียบกับเงินเฟ้อในหลายประเทศ พบว่าเงินเฟ้อไทยยังเพิ่มไม่เยอะ โดยมีระดับต่ำอยู่อันดับ 20 จาก 135 ประเทศทั่วโลก ซึ่งประเทศส่วนใหญ่ล้วนมีเงินเฟ้อสูงกว่าไทย ไม่ว่าจะเป็นในอาเซียน เช่น ลาว สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ รวมถึงประเทศใหญ่ๆ อย่างสหราชอาณาจักร อินเดีย รวมถึงสหรัฐอเมริกา”
สำหรับเงินเฟ้อเดือนต.ค.65 ที่เพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม 9.58% โดยกลุ่มอาหารสด ราคายังเพิ่มขึ้น แต่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง เช่น เนื้อสุกร ไก่สด ต้นหอม ผักบุ้ง ส้มเขียวหวาน แตงโม น้ำมันพืช ซีอิ๊ว น้ำพริกแกง ส่วนสินค้าที่ราคาลดลง เช่น แป้งข้าวเจ้า ผักกาดขาว ผักคะน้า ผักชี ขึ้นฉ่าย กล้วยน้ำว้า มะพร้าวผลแห้ง ขูด และมะขามเปียก เป็นต้น สำหรับหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้น 3.56% ตามการเพิ่มขึ้นของกลุ่มพลังงาน เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งค่ายาและเวชภัณฑ์ ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ส่วนสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง เช่น ยาสมุนไพร ยาแผนโบราณ หน้ากากอนามัย แป้งผัดหน้า เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ และเครื่องซักผ้า เป็นต้น
ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อที่เหลืออีก 2 เดือน ช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.65 สนค.คาดว่าจะชะลอตัวลงต่อเนื่อง ประเมินว่าไม่น่าจะถึง 6% หรือใกล้เคียง 6% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ลดลงหลายรายการ และบางรายการราคาทรงตัว แม้ว่าต้นทุนจะสูงขึ้น เนื่องจากรัฐมีมาตรการดูแลค่าครองชีพของ ประกอบกับสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้สินค้าเกษตรเข้าสู่ตลาดมากขึ้น


