30 เมษายน 2025
Home » ข่าวเด่น » เช็กที่นี่ 8 แบงก์รัฐ จัดมาตรการเงินกู้ฉุกเฉิน ยืดหนี้ ช่วยเหตุแผ่นดินไหว

เช็กที่นี่ 8 แบงก์รัฐ จัดมาตรการเงินกู้ฉุกเฉิน ยืดหนี้ ช่วยเหตุแผ่นดินไหว

SHARE THIS

กระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวปี 2568 ครอบคลุม 8 แบงก์รัฐ ประกันภัย งบฉุกเฉิน

 

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้า มาตรการสำคัญของกระทรวงการคลัง สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อดูแลและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากเหตุแผ่นดินไหว

 

  1. มาตรการขยายวงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

กรมบัญชีกลางได้ขยายวงเงินทดรองราชการเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีแผ่นดินไหว) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและ 76 จังหวัด ซึ่งเป็นวงเงินในอำนาจของอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจำนวน 200 ล้านบาท สำหรับใช้จ่ายด้านการดำรงชีพและด้านการปฏิบัติงาน

 

  1. มาตรการผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ

 

ธนาคารออมสิน

  • มาตรการแบ่งเบาภาระลูกหนี้ปัจจุบัน สำหรับสินเชื่อบ้าน สินเชื่อธนาคารประชาชน และสินเชื่อSMEs โดยพักชำระเงินต้นทั้งหมด และลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 0 สูงสุดเป็นระยะเวลา 3 เดือน
  • มาตรการสินเชื่อเพื่อกู้ซ่อมแซมบ้าน กู้ฟื้นฟูกิจการ สำหรับลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่
  • สินเชื่อฉุกเฉิน วงเงินกู้สูงสุด 20,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 สูงสุดเป็นระยะเวลา 3 เดือน
  • สินเชื่อกู้ซ่อมแซมบ้าน และสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูกิจการ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 สูงสุดเป็นระยะเวลา 3 เดือน

 

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

  • โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2568 เพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรในด้านค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น วงเงินต่อรายไม่เกิน 50,000 บาทอัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR ของ ธ.ก.ส. เท่ากับร้อยละ 925 ต่อปี) ระยะเวลากู้ไม่เกิน 3 ปีปลอดชำระดอกเบี้ยใน 6 เดือนแรก
  • โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นค่าลงทุนในการซ่อมแซมบ้านเรือนทรัพย์สิน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหาย วงเงินต่อราย ไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR – 2 ต่อปี ระยะเวลากู้ไม่เกิน 15 ปี

 

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

  • กรณีลูกค้าปัจจุบัน ได้รับการลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจะพักชำระหนี้ ใน 3 เดือนแรก พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือร้อยละ 0 ต่อปี และเดือนที่ 4 – 12 คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 00 ต่อปี พร้อมลดเงินงวดลงร้อยละ 50 ของเงินงวดที่ชำระในปัจจุบัน
  • กรณีลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ สามารถขอกู้ใหม่หรือกู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซมหรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม วงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1 – 3 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด เดือนที่ 4 – 24 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 00 ต่อปี
  •  มาตรการประนอมหนี้ สำหรับลูกค้าที่ค้างชำระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือน หรือมีสถานะอยู่ระหว่างประนอมหนี้ ในกรณีหลักประกันเสียหาย 2) กรณีได้รับผลกระทบต่อรายได้ 3) กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร และ 4) กรณีหลักประกันได้รับความเสียหายทั้งหลังไม่สามารถซ่อมแซมได้
  • มาตรการสินไหมเร่งด่วน สำหรับลูกค้าที่เป็นผู้ประสบภัย กรณีทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย ซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติ จะได้รับค่าสินไหมเร่งด่วนกรณีพิเศษ โดยสามารถยื่นคำขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568

 

 

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย

  • มาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม สำหรับเงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลาพักชำระหนี้สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน และกลุ่มสัญญาเบิกเงินทุนหมุนเวียนประเภทตั๋วสัญญาใช้เงินและสินเชื่อแฟคตอริ่ง ขยายระยะเวลาชำระตั๋วสัญญาใช้เงินออกไปสูงสุด 180 วัน และสามารถพักชำระดอกเบี้ยได้
  • มาตรการเติมทุนฉุกเฉิน เพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ ให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยให้สินเชื่อวงเงินกู้ร้อยละ 10 ของวงเงินเดิม สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี (ปัจจุบัน MLR เท่ากับร้อยละ 3 ต่อปี) ระยะเวลากู้ 3 ปี ปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน ไม่มีหลักประกัน และยกเว้นค่าธรรมเนียม สามารถยื่นคำขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป

 

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.)

  • มาตรการไอแบงก์ไม่ทิ้งกัน ลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ : สามารถขอสินเชื่อ เพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหรือฟื้นฟูกิจการ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท อัตรากำไรต่ำสุดร้อยละ 99 ในปีแรก  และระยะเวลากู้ยืมไม่เกิน 20 ปี

 

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.)

  • มาตรการช่วยเหลือเงินกู้ระยะสั้น ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงินสูงสุด 180 วัน เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราวสูงสุดร้อยละ 20 ของวงเงินหมุนเวียนเดิม วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 2 ล้านบาท และเปลี่ยนแปลงภาระหนี้ระยะสั้นเป็นภาระหนี้ระยะยาวผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 3 ปี
  • มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะยาว ขยายระยะเวลาเงินกู้สูงสุด 7 ปี ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ปีแรกลงร้อยละ 50 หรือจ่ายดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 50 ในช่วง 6 เดือนแรก และพักชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 1 ปี รวมทั้งเพิ่มวงเงินสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย Prime Rate ในปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 6.25

 

บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)  

  • มาตรการพักชำระค่าธรรมเนียม สำหรับลูกค้า บสย. ที่ถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้ำประกันตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 สามารถพักชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้ำประกันสินเชื่อเป็นระยะเวลา 6 เดือน นับจากวันถึงกำหนดชำระ
  • มาตรการพักชำระค่างวด สำหรับลูกหนี้ ที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระตามแผนปรับโครงสร้างหนี้และไม่ผิดนัดชำระหนี้ โดยสามารถพักชำระค่างวดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ระยะเวลายื่นขอพักชำระหนี้ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2568

 

ธนาคารกรุงไทย  

  • มาตรการแบ่งเบาภาระลูกค้าสินเชื่อปัจจุบัน ลดค่างวดร้อยละ 75 ของค่างวดปัจจุบัน (ชำระเพียงร้อยละ 25) เป็นระยะเวลา 1 ปี โดย 1) ลูกหนี้บ้านและ SMEs คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 0 ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 เดือน หลังจากนั้นคิดดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 5 ต่อปี เป็นระยะเวลา 33 เดือน และ 2) ลูกหนี้บุคคล คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.5 ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี
  • มาตรการสินเชื่อเพื่อกู้ ซ่อมบ้าน/กู้ ฟื้นฟูกิจการ 1) ลูกค้าบ้าน และ SMEs คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 0 เป็นระยะเวลา 3 เดือน หลังจากนั้น คิดดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 5 ต่อปี เป็นระยะเวลา 33 เดือน และ 2) ลูกค้าบุคคล คิดดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.5 ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี

 

 

3. มาตรการด้านการประกันภัย

  • คปภ. ได้เข้าพื้นที่ประสบภัย (อาคาร สตง. แห่งใหม่) พร้อมบริษัทประกัน 4 บริษัทเพื่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ และอยู่ระหว่างประสานขอรายละเอียดส่วนบุคคลของผู้สูญหายเพื่อค้นหาในระบบฐานข้อมูลของ คปภ. พร้อมแจ้งให้บริษัทประกันภัยให้ความช่วยเหลืออย่างดีที่สุด
  • นอกจากนี้ คปภ. อยู่ระหว่างการตรวจสอบฐานะการเงินของบริษัทประกันภัยทั้ง 4 แห่ง เบื้องต้นทราบว่ามีการประกันภัยต่อไปยังบริษัทต่างประเทศ ทำให้ไม่กระทบต่อฐานะการเงินของบริษัทแต่อย่างใด
  • ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ได้ประสานไปยังสมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย และบริษัทประกันภัยทุกบริษัท เพื่อเร่งติดตามสถานการณ์และให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน ตลอดจนพิจารณาชดใช้เงินหรือค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปอย่างถูกต้องและรวดเร็ว นอกจากนี้ คปภ. ยังได้เปิดบริการสายด่วน คปภ. 1186 เพื่อให้คำปรึกษาผู้เอาประกันภัยและประชาชนที่ได้รับผลกระทบตลอด 24 ชั่วโมง

 

นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ขอความร่วมมือจากสถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ผู้ประกอบธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับของ ธปท. ได้แก่ ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สถาบันการเงิน และผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับที่มิใช่สถาบันการเงิน ดังนี้

  1. พิจารณาปรับลดอัตราการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำ ให้ต่ำกว่าอัตราขั้นต่ำที่ ธปท. กำหนดได้ สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน
  2. พิจารณาให้วงเงินชั่วคราวฉุกเฉินที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพและระยะเวลาการชำระคืนสินเชื่อให้สอดคล้องกับความจำเป็นของลูกหนี้
  3. พิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนและสภาพคล่องแก่ลูกหนี้เพื่อซ่อมแซม ที่อยู่อาศัย หรือเพื่อให้สามารถประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจต่อไปได้ รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยไม่ต้องนำหลักเกณฑ์การพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ตามแนวทาง Responsible Lending มาใช้
  4. ให้สามารถคงสถานการณ์จัดชั้นสำหรับลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือและยังไม่ถูกจัดชั้นเป็นสินทรัพย์ด้อยคุณภาพไว้ตามเดิมก่อนเกิดเหตุสาธารณภัยได้ สำหรับการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มดังกล่าว เช่น การให้สินเชื่อใหม่หรือสภาพคล่องเพิ่มเติมในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ การลดเงินต้น หรือดอกเบี้ย หรือการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ เป็นต้น

 

#ข่าวจริง #thefacts #facts #fact #แผ่นดินไหว #มาตรการช่วยเหลือแผ่นดินไหว #ประกันแผ่นดินไหว #แบงก์รัฐช่วยแผ่นดินไหว