28 มีนาคม 2025
Home » ข่าวเด่น » นายกฯ กดปุ่ม 30 บาทรักษาทุกที่ ครอบคลุมทั่วไทย 1 ม.ค.นี้

นายกฯ กดปุ่ม 30 บาทรักษาทุกที่ ครอบคลุมทั่วไทย 1 ม.ค.นี้

SHARE THIS

นายกฯ แพทองธาร กดปุ่ม 30 บาทรักษาทุกที่ เฟส 4 ครอบคลุมทั่วไทย 1 ม.ค. 68 เดินหน้าสร้างงานนักศึกษาจบใหม่-คนเกษียณอายุ  

 

ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “Kick off 30 บาท รักษาทุกที่ เพื่อคนไทย สุขภาพดีถ้วนหน้า ระยะที่ 4 ครอบคลุมทั่วประเทศ 1 มกราคม 2568”  โดย กล่าวว่า วันนี้ 30 บาทรักษาทุกที่ได้เดินทางมาระยะที่ 4 ตั้งแต่ต้นปี 2567 ได้เริ่มระยะที่ 1 ใน 4 จังหวัดนำร่อง  ซึ่งรัฐบาลจะพยายามเปิดครบทั่วทุกจังหวัดให้ได้เร็วที่สุด เพื่อลดปัญหาภาระของประชาชน วันนี้ เปิดตัวระยะที่ 4 ประชาชนจะได้ใช้บริการ 30 บาทรักษาทุกที่อย่างเต็มรูปแบบทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป

 

รัฐบาลทำได้สำเร็จตามเป้าหมายใน 1 ปี เปิดครบทุกเฟส  เท่ากับใช้เวลาประมาณ 2 ทศวรรษ จากการพัฒนานโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคมาสู่นโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่  ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความทันสมัยมากขึ้น และเข้ามามีบทบาทอย่างมาก รวมทั้ง  Digital Transformation หรือการเปลี่ยนผ่านระบบสุขภาพสู่ระบบดิจิทัล จากประชาชนที่เคยต่อคิวนาน ๆ ก็สามารถจองบริการผ่านแอปพลิเคชันได้ ไม่ต้องต่อคิวโรงพยาบาลเสียเวลาเป็นวัน หรือเสียเวลาทำกิน ช่วยแบ่งเบาภาระประชาชนต่อไปในวันข้างหน้า

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า วันนี้ 30 บาทรักษาทุกที่ได้เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของประชาชนแล้ว 100% ประชาชนทุกคนมี Health ID ประจำตัว ได้รับบริการรักษาพยาบาลที่สะดวกรวดเร็วขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาสนับสนุนการให้บริการแก่ประชาชน กลายเป็นใบส่งตัวในรูปแบบดิจิทัล การแจ้งเตือนนัดหมอผ่านไลน์ การหาหมอผ่านออนไลน์  หรือมีการสมัครงานเป็นไรเดอร์ส่งยา เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้เสริม

 

รวมถึงการเจาะเลือดที่บ้านสำหรับผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงเครื่องล้างไตอัตโนมัติสำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ให้ยืมใช้ที่บ้าน เป็นการสาธารณสุขเชิงรุกมากขึ้น  ประชาชนที่นอนติดเตียงได้รับการรักษาที่บ้านได้มากขึ้น รวมทั้ง “ตู้ห่วงใย” ซึ่งเป็นตู้ tele med ที่ให้บริการการแพทย์ทางไกลผ่านการปรึกษาหมอออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ง่ายขึ้นและสะดวกยิ่งขึ้นในทุกพื้นที่

 

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดให้ร้านยาและคลินิกเอกชนเข้ามาร่วมเป็นหน่วยบริการหน่วยปฐมภูมิเพื่อดูแลประชาชนมากขึ้น เพิ่มความสะดวก ลดการเดินทาง ลดระยะรอคอยและลดความแออัดในโรงพยาบาล เพิ่มทางเลือกใหม่ให้ประชาชนในการรับบริการใกล้บ้านมากขึ้น ทั้งนี้ ประชาชนที่ไม่เคยใช้สิทธิ 30 บาทมาก่อน มาใช้ 30 บาทรักษาทุกที่ มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 80,000 คน

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปี 2568 นี้ รัฐบาลมีแนวทางการพัฒนาระบบสาธารณสุข 6 ด้าน ดังนี้

1) การพัฒนาระบบบริการสุขภาพผู้สูงอายุ การดูแลผู้ป่วยติดเตียง  จัดตั้งสถานชีวาภิบาลทั่วประเทศ

2) สร้าง Care Giver หรือนักบริบาลผู้สูงอายุ 15,000 ตำแหน่งทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานในชุมชน โดยจะเน้นกลุ่มที่เป็นนักศึกษาจบใหม่ และผู้สูงอายุหลังเกษียณเพื่อให้มีงานทำ หารายได้เพิ่มให้กับครอบครัว

3) การดูแลสุขภาพของประชาชนด้วยการคัดกรองเร็ว รู้เร็ว รักษาง่าย ปัจจุบันมีชุดตรวจคัดกรองด้วยตนเองที่ประชาชนใช้แค่บัตรประชาชนไปขอรับได้ที่ร้านยา คือ ชุดตรวจมะเร็งปากมดลูก ชุดตรวจการติดเชื้อเอชไอวี ชุดตรวจพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ในปีนี้จะเพิ่มชุดตรวจไมโครอัลบูมินในปัสสาวะ ป้องกันโรคไตเสื่อมจากเบาหวาน

4) การดูแลสุขภาพจิตของคนไทย ด้วยบริการจิตเวชครบวงจรตั้งแต่การป้องกัน รักษา และการให้คำปรึกษา บำบัด ทั้งศูนย์ให้ปรึกษาทางจิตเวช และการรับการปรึกษาทางสุขภาพจิตผ่านแอปพลิเคชัน

5)  การบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยติดสารเสพติดกลับสู่สังคม

6) ขับเคลื่อน 50 โรงพยาบาล 50 เขต เพื่อคนกรุงเทพฯ มีโรงพยาบาลใกล้บ้านเป็นที่พึ่ง พร้อมกันนี้ รัฐบาลพร้อมที่จะดูแลประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ ให้อยู่ในระบบสาธารณสุขที่สะดวก รวดเร็วให้กับคนไทยทั้งประเทศ

 

#30บาทรักษาทุกที่ #30บาทใช้ได้ทุกจังหวัด #ข่าวจริง #บัตรทอง #แพทองธาร #thefacts #facts #fact