30 เมษายน 2025
Home » ข่าวเด่น » ชาวนารีบด่วน ธ.ก.ส.ปล่อยกู้ด่วน 2 มาตรการ แก้ราคาข้าวเปลือกตกต่ำ

ชาวนารีบด่วน ธ.ก.ส.ปล่อยกู้ด่วน 2 มาตรการ แก้ราคาข้าวเปลือกตกต่ำ

SHARE THIS

ธ.ก.ส. ออกมาตรการรักษาเสถียรภาพข้าว ปีการผลิต 2567/68 กรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท แก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ 

 

นายจุลพันธ์  อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ราคาข้าวขาวปรับตัวลง เนื่องจากตลาดโลกมีการส่งออกข้าวจาก ประเทศต่าง ๆ เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อราคาและกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรตามมานั้น ธ.ก.ส. พร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาด้วยมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2567/68 กรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท ผ่านสินเชื่อ 2 โครงการ ได้แก่

 

1.สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2567/68 วงเงินรวมกว่า 35,000 ล้านบาท

 

เกษตรกรกู้ได้รายละไม่เกิน 300,000 บาท สหกรณ์การเกษตรและชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งละไม่เกิน 300 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรแห่งละไม่เกิน 20 ล้านบาท และวิสาหกิจชุมชนแห่งละไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรไม่ต้องชำระดอกเบี้ย

 

เนื่องจากรัฐบาลรับภาระในการชำระดอกเบี้ยแทน เพื่อป้องกันปัญหาผลผลิตข้าวเปลือกล้นตลาดและมีราคาตกต่ำ รวมถึงเสริมสภาพคล่องให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรมีเงินหมุนเวียนระหว่างชะลอการขายข้าว และรองรับปริมาณข้าวเปลือกจากท้องตลาด 3 ล้านตัน

 

โดยมีประเภทข้าวเปลือกที่เข้าร่วมโครงการ ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิในเขต 23 จังหวัด ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด และภาคเหนือ 3 จังหวัด (เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกเขต 23 จังหวัด ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกปทุมธานีและข้าวเปลือกเหนียว

 

สำหรับคุณสมบัติผู้กู้ ต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2567/68 กับกรมส่งเสริมการเกษตร หรือสถาบันเกษตรกรที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากหน่วยงานราชการและรับรวบรวมข้าวเปลือกนาปี   ปีการผลิต 2567/68 เช่น สหกรณ์การเกษตร ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน หรือศูนย์ข้าวชุมชน    เป็นต้น

 

ข้าวเปลือกที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องมีคุณสมบัติเป็นข้าวเปลือกที่มีความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 สิ่งเจือปนไม่เกิน ร้อยละ 2 และสีได้ต้นข้าวไม่ต่ำกว่า 20 กรัม กำหนดวงเงินสินเชื่อต่อตัน ดังนี้

  • ข้าวเปลือกหอมมะลิในเขต 23 จังหวัด 12,500 บาท/ตัน
  • ข้าวเปลือกหอมมะลินอกเขต 23 จังหวัด 11,000 บาท/ตัน
  • ข้าวเปลือกเจ้า 9,000 บาท/ตัน
  • ข้าวเปลือกปทุมธานี 10,000 บาท/ตัน
  • ข้าวเปลือกเหนียว 10,000 บาท/ตัน
  • ขณะนี้มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการแล้วทั้งสิ้น 253,344 ราย รวมจ่ายสินเชื่อแล้วกว่า 23,000 ล้านบาท

 

นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังพร้อมสนับสนุนค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกให้อีก 1,500 บาทต่อตัน  กรณีเกษตรกรเก็บข้าวเองได้รับ 1,500 บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรฝากข้าวกับสถาบันเกษตรกร เกษตรกรจะได้รับ 500 บาทต่อตัน และสถาบันฯ จะได้รับ 1,000 บาทต่อตัน ระยะเวลาจัดทำสัญญา ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568  กรณีภาคใต้จัดทำสัญญาได้จนถึง 31 กรกฎาคม 2568 สำหรับเกษตรกรที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ลูกค้ารายย่อย สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีได้ และเงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

 

2.สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2567/68

 

เป้าหมายรวบรวมข้าวเปลือก 1.5 ล้านตัน กรอบวงเงินรวม 15,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนเงินทุนให้แก่สหกรณ์การเกษตร ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและศูนย์ข้าวชุมชนที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด สำหรับรับซื้อและรวบรวมข้าวจากเกษตรกรสมาชิกและเกษตรกรทั่วไป รวมถึงการนำผลผลิตไปแปรรูปจำหน่าย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต ซึ่งจะส่งผลให้การรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกในตลาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยวงเงินแบ่งตามประเภทผู้กู้และศักยภาพการทำธุรกิจ  ดังนี้

  • สหกรณ์การเกษตร/ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร วงเงินแห่งละไม่เกิน 300 ล้านบาท
  • กลุ่มเกษตรกร วงเงินแห่งละไม่เกิน 20 ล้านบาท
  • วิสาหกิจชุมชนและศูนย์ข้าวชุมชน วงเงินแห่งละไม่เกิน 5 ล้านบาท

 

โดยสถาบันฯ ชำระดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 ต่อปี ส่วนที่เหลือรัฐบาลและ ธ.ก.ส. รับหน้าที่ชำระแทนสถาบันเกษตรกร ระยะเวลาจ่ายสินเชื่อตั้งแต่บัดนี้จนถึง 30 กันยายน 2568 ซึ่งขณะนี้จ่ายสินเชื่อแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศหรือ Call Center 02 555 0555

 

#ชาวนา #ข้าวเปลือก #ข้าวราคาตก #ข่าวจริง #ธกส #จำนำยุ้งฉาง #thefacts #facts #fact