บิ๊กตู่ เพิ่ม”ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค” ดึงเงินลงทุน เหนือ อีสาน กลาง ใต้
รัฐบาลปักธง ประกาศเปิดพื้นที่ ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มอีก 4 ภาค ได้แก่ เหนือ อีสาน กลาง และใต้ กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) ครั้งที่ 2/2565 เพื่อผลักดันการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 แห่ง กระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค สร้างโอกาสให้กับเศรษฐกิจฐานรากให้ได้รับประโยชน์จาการพัฒนาอย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ ได้มีการพัฒนาทั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษและระบียงเศรษฐกิจทั้ง 4 แห่ง ให้เชื่อมโยงกับจังหวัดใกล้เคียง เพื่อให้จังหวัดโดยรอบการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษได้รับประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานและระบบคมนาคมขนส่งโลจิสติกส์ โดยนายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดให้ทุกหน่วยงานขับเคลื่อนกำหนดกิจการเป้าหมาย สิทธิประโยชน์สำหรับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษและเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน เพื่อดึงดูดนักลงทุนและภาคเอกชนให้มาลงทุนในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อทำให้เกิดการขยายตัวในกิจกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่ เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่
“ที่ประชุมได้พิจารณาการกำหนดกิจการเป้าหมาย สำหรับส่งเสริมการลงทุนเป็นการเฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษ และส่งเสริมการพัฒนาสภาพแวดล้อม (Ecosystem) เพื่อดึงดูดการลงทุนของภาคเอกชนครอบคลุม 3 มติ การกำหนดกิจการเป้าหมายและสิทธิประโยชน์ สำหรับพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ทั้ง 4 ภาค โดยมีพื้นที่และคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ดังนี้
ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (Northern Economic Corridor : NEC – Creative LANNA)
ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง ส่งเสริมคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) และ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร
ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Northeastern Economic Corridor : NeEC – Bioeconomy)
ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย ส่งเสริมคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่อุตสาหกรรมชีวภาพ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร
ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง – ตะวันตก (Central – Western Economic Corridor : CWEC)
ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครปฐม สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี ส่งเสริมคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (Southern Economic Corridor : SEC)
ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ส่งเสริมคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมชีวภาพ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism)
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบข้อเสนอมาตรการ ปัจจัยสนับสนุนที่จะให้แก่ผู้ประกอบกิจการในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อม (Ecosystem) ให้เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจและขยายการลงทุน โดยมีมาตรการที่สำคัญ ได้แก่ การให้สิทธิประโยชน์ (ทางภาษีและมิใช่ภาษี) การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม การพัฒนากำลังคน ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ประกอบการ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญและสิ่งอำนวยความสะดวก การสนับสนุนเงินทุน การแก้ไขกฎระเบียบเพื่อส่งเสริมการประกอบกิจการ รวมทั้งกำหนดมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมรายคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป
รวมทั้ง เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนให้เป็นผู้ได้รับสิทธิพัฒนาในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ตามข้อเสนอของคณะทำงานสรรหา คัดเลือก เจรจา และกำกับติดตามการดำเนินการของผู้ลงทุนในที่ดินราชพัสดุ ที่กำหนดเป็นพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีรูปแบบโครงการลงทุนเป็นการจัดสรรพื้นที่ให้เช่าโดยเป็นผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่ารวมประมาณ 830 ล้านบาท เนื้อที่ประมาณ 1,076 ไร่ ประกอบด้วย พื้นที่อุตสาหกรรม (Factory Zone) ร้อยละ 53 (564 ไร่) พื้นที่สำนักงาน/ศูนย์จำหน่ายสินค้า/ศูนย์ประชุม (Amenity Core) ร้อยละ 5 (57 ไร่) และพื้นที่สีเขียว (Green Space) ร้อยละ 15 (159 ไร่) และให้กรมธนารักษ์พิจารณาดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนต่อไป

