30 ตุลาคม 2025
Home » ข่าวเด่น » เริ่มแล้ว คนละครึ่งพลัส เช็กวิธีใช้อย่างไร ให้คุ้ม ไม่ถูกยึดเงินคืน

เริ่มแล้ว คนละครึ่งพลัส เช็กวิธีใช้อย่างไร ให้คุ้ม ไม่ถูกยึดเงินคืน

SHARE THIS

มาแล้ว “คนละครึ่งพลัส” 20 ล้านสิทธิ เริ่มวันนี้ 29 ตุลาคม 2568 อ่านกันอีกที เติมเงินแบบไหน ใช้จ่ายอย่างไร ซื้ออะไรได้บ้าง ติดตามได้ที่นี่

 

สิ้นสุดการรอคอย ในที่สุดโครงการ “คนละครึ่งพลัส”  จำนวน 20 ล้านคน เริ่มใช้ได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้  29 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป โดยครั้งนี้ มีร้านค้าเข้าร่วมกว่า 6 แสนแห่ง ดังนั้น เพื่อไม่ให้พลาดความคุ้มค่าในการใช้จ่าย วันนี้ ทีมข่าว The FACTS ข่าวจริง สรุปวิธีการใช้จ่าย และเงื่อนไข ขั้นตอนอย่างละเอียดให้ติดตามกันอีกครั้ง

 

วันและเวลาในการใช้สิทธิ

  • เริ่มใช้สิทธิ (ร้านค้าทั่วไป): ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2568 ถึง 31 ธันวาคม 2568
    • เวลา:00 – 23.00 น. ของทุกวัน
  • เริ่มใช้สิทธิสั่งอาหารออนไลน์ (Food Delivery): ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ถึง 31 ธันวาคม 2568
    • เวลา:00 – 21.00 น. ของทุกวัน (ผ่านแอปฯ เป๋าตัง และแพลตฟอร์มที่เข้าร่วม เช่น GrabFood, LINE MAN, Robinhood, Shopee Food)

 

สิทธิที่ได้รับ

  • รัฐช่วยจ่าย 50% และผู้ได้รับสิทธิจ่ายเอง 50% ผ่าน G-Wallet ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
  • จำกัดการใช้สิทธิไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน
  • วงเงินรวมตลอดโครงการ:
    • กลุ่มผู้เสียภาษี: 2,400 บาทต่อคน
    • กลุ่มประชาชนทั่วไป: 2,000 บาทต่อคน
  • เงื่อนไขสำคัญ: ต้องมีการใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ภายในเวลา 00 น. เพื่อไม่ให้ถูกยกเลิกสิทธิ

 

ขั้นตอนการใช้งานซื้อของ (สแกนจ่ายที่ร้านค้า)

  1. เข้าแอปฯ “เป๋าตัง”: เลือกแบนเนอร์โครงการ “คนละครึ่งพลัส”
  2. กดปุ่ม “สแกน QR เพื่อใช้สิทธิ”
  3. สแกน QR Code ของร้านค้า “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการ
  4. ตรวจสอบยอดเงิน และกดปุ่ม “ยืนยัน” การชำระเงิน
  5. ใส่รหัส PIN เป๋าตัง 6 หลัก
  6. บันทึกสลิป ทำรายการสำเร็จ

 

 

ช่องทางการเติมเงินเข้า G-Wallet

1. Mobile Banking ของธนาคารอื่น (ผ่าน G Wallet ID)

เป็นวิธีที่สะดวกสำหรับผู้ที่ใช้แอปพลิเคชันของธนาคารอื่นที่ไม่ใช่ธนาคารกรุงไทย

  • ขั้นตอน:
    • คัดลอก G Wallet ID (รหัส 15 หลัก) จากเมนู “เติมเงิน G-Wallet” ในแอปฯ เป๋าตัง
    • เข้าแอปพลิเคชัน Mobile Banking ของธนาคารที่คุณใช้งาน (เช่น ไทยพาณิชย์, กสิกรไทย, กรุงเทพ, กรุงศรีฯ, TTB, ออมสิน ฯลฯ)
    • เลือกเมนู “เติมเงิน” หรือ “โอนเงินไปยัง e-Wallet/พร้อมเพย์”
    • วาง G Wallet ID 15 หลัก และระบุจำนวนเงินที่ต้องการเติม

2. บัญชีธนาคารกรุงไทยที่ผูกกับแอปฯ เป๋าตัง

สำหรับผู้ที่มีบัญชีธนาคารกรุงไทยและได้ผูกบัญชีไว้กับแอปฯ เป๋าตังแล้ว

  • ขั้นตอน:
    • เข้าแอปฯ “เป๋าตัง” เลือกเมนู “เติมเงิน G Wallet”
    • เลือกเติมเงินผ่าน Banner บัญชีกรุงไทย (ที่ผูกไว้)
    • ระบุจำนวนเงิน ยืนยัน และใส่ PIN เป๋าตัง

3. เติมเงินผ่าน QR พร้อมเพย์ (QR PromptPay)

สามารถใช้แอปพลิเคชัน Mobile Banking ของทุกธนาคารสแกนได้

  • ขั้นตอน (ทำในแอปฯ เป๋าตัง):
    • เข้าแอปฯ “เป๋าตัง” เลือกเมนู “เติมเงิน G Wallet”
    • เลือกช่องทาง “QR พร้อมเพย์”
    • ระบบจะสร้าง QR Code ขึ้นมา
    • ใช้แอปฯ Mobile Banking ของธนาคารใดก็ได้ สแกน QR Code ที่ปรากฏบนหน้าจอเป๋าตังเพื่อเติมเงิน

4. ตู้ ATM ของธนาคารชั้นนำ

เป็นอีกทางเลือกสำหรับการเติมเงินด้วยเงินสดหรือโอนจากบัญชีผ่านตู้ ATM

  • ขั้นตอน:
    • ไปที่ตู้ ATM ของธนาคารที่ร่วมรายการ
    • เลือกเมนู “เติมเงิน” หรือ “โอนเงิน e-Wallet/พร้อมเพย์”
    • ระบุ G Wallet ID 15 หลัก และจำนวนเงินที่ต้องการเติม

 

 

🛒 ซื้ออะไรได้บ้าง

ประชาชนสามารถใช้สิทธิจ่ายผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ได้กับ สินค้าและบริการที่เข้าร่วมโครงการ โดยร้านค้าที่เข้าร่วมจะมีสัญลักษณ์ “คนละครึ่ง” หรือ “ถุงเงิน” ซึ่งครอบคลุม:

  • อาหารและเครื่องดื่มทั่วไป
  • ร้านขายของใช้จำเป็น สินค้าทั่วไป
  • บริการ เช่น นวด สปา ทำเล็บ และทำผม
  • บริการสั่งอาหารออนไลน์ (เริ่ม 7 พ.ย. 68)

สินค้าต้องห้ามที่ไม่สามารถใช้สิทธิได้ ได้แก่

  • สลากกินแบ่งรัฐบาล
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • เหล้า เบียร์ ไวน์
  • ยาสูบ
  • บัตรกำนัล (Gift Voucher) และบัตรเงินสดทุกประเภท

คนละครึ่งพลัส ใช้จ่ายค่าบริการขนส่งมวลชนสาธารณะ (Mass Transit)

ประชาชนสามารถใช้สิทธิชำระค่าโดยสารได้กับระบบขนส่งมวลชนสาธารณะที่ลงทะเบียนเข้าร่วม เช่น:

  • รถไฟฟ้าในเขตเมือง (เช่น รถไฟฟ้า MRT ทั้ง 4 สาย ได้แก่ สายสีน้ำเงิน, สีม่วง, สีเหลือง, และสายสีชมพู รวมถึงสายสีแดง, แอร์พอร์ต เรล ลิงก์, สีเขียว และสายสีทอง)
    • หมายเหตุ: การใช้สิทธิ์กับรถไฟฟ้า มักจะต้องชำระที่ห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร และไม่สามารถใช้เติมเงินหรือซื้อบัตรโดยสารประเภทบัตรต่างๆ ได้ (เช่น บัตรแมงมุม, บัตรแรบบิท, บัตร MRT Plus)
  • รถโดยสารประจำทางสาธารณะ (รถเมล์)
  • เรือโดยสารสาธารณะ (เช่น เรือด่วนเจ้าพระยา ในบางเส้นทางและบางท่าเรือ)

🚕 บริการขนส่งสาธารณะที่ไม่ใช่นิติบุคคล (รายย่อย)

ผู้ประกอบการรายย่อยก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้เช่นกัน หากลงทะเบียนถูกต้อง ได้แก่:

  • รถแท็กซี่มิเตอร์
  • รถจักรยานยนต์สาธารณะ (วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง)
  • รถตู้โดยสารประจำทาง
  • รถยนต์สามล้อสาธารณะ (ตุ๊กตุ๊ก)
  • รถสองแถวรับจ้าง
  • รถสามล้อถีบ

 

ข้อควรทราบ:

  • การใช้สิทธิจะต้องทำกับผู้ประกอบการและรถที่ ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่งพลัส” และมีสัญลักษณ์ให้สแกนจ่ายผ่านแอปฯ “ถุงเงิน” เท่านั้น
  • คุณจะได้รับส่วนลด 50% ของค่าโดยสาร โดยจำกัดวงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน เช่นเดียวกับการซื้อสินค้าและบริการอื่นๆ ค่ะ

 

ข้อแนะนำเพิ่มเติม:

  • ควรเติมเงินเข้า G-Wallet ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ล่วงหน้า เพื่อความสะดวกในการใช้จ่าย และต้องใช้ครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย.ไม่เช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ
  • ห้ามแลกเป็นเงินสด หรือซื้อสินค้าต้องห้าม ไม่เช่นนั้นมีบทลงโทษ เรียกเงินคืน และมีความผิดทางกฎหมาย

 

ขอบคุณภาพจาก Krungthai Care

 

#คนละครึ่งพลัส #คนละครึ่งพลัสเริ่มวันนี้ #คนละครึ่งพลัสซื้ออะไรได้บ้าง #คนละครึ่งพลัสใช้จ่ายค่ารถโดยสาร #ข่าวจริง #thefacts #facts #fact