สภาพัฒน์ชี้ ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจแย่ลงอีก 5 ปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าหนัก
 
                สภาพัฒน์ ปรับเพิ่ม GDP ปี 68 โต 2% แต่คาดการณ์ไตรมาสสาม เศรษฐกิจจะแย่ลงจากครึ่งปีแรก จับตา 5 ปัจจัยเสี่ยงคอยฉุดรั้ง ภาระหนี้ สินค้าเกษตร ท่องเที่ยวแย่
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า (สภาพัฒน์) ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ไทย ในปี 2568 เป็น 1.8-2.3% (ค่ากลางอยู่ที่ 2.0%) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่เคยประมาณการไว้เดิมเมื่อเดือนพ.ค.68 ที่ 1.3-2.3% (ค่ากลางอยู่ที่ 1.8%)
สำหรับสาเหตุที่ปรับประมาณการ GDP เพิ่มขึ้นนั้น มาจากสถานการณ์ด้านการส่งออก และการลงทุนภาคเอกชนในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้น การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการผลิตเพื่อเร่งส่งออกสินค้าไปยังประเทศปลายทาง ก่อนที่มาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ในเดือนส.ค.68
นอกจากนี้ ยังมีความชัดเจนในเรื่องของอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal tariff) ที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บจากสินค้าไทยในอัตรา 19% ซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาคอาเซียน จึงทำให้ในภาพรวมแล้วเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะขยายตัวได้ดีกว่าที่เคยประมาณการไว้เดิมเมื่อตอนเดือนพ.ค.68
“ในช่วงที่เหลือของปีนี้ การลงทุนของภาครัฐ และการลงทุนของภาคเอกชน รวมทั้งการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งทำให้มีความจำเป็นที่ภาครัฐต้องเร่งปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ด้านการค้าการลงทุนให้เอื้อต่อการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนทั้งของไทยและต่างประเทศ”
“เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/68 ยังขยายตัวต่อเนื่อง เพียงแต่อาจจะเติบโตได้ต่ำกว่าช่วง 2 ไตรมาสแรกที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ยังไม่ได้รวมปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองรวมอยู่ เนื่องจากมองว่าขณะนี้กระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจได้ตามปกติ ส่วนสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชานั้น เชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจะอยู่ในวงจำกัดภายในพื้นที่ตามแนวชายแดน”
ปัจจัยหนุน :
- การเพิ่มขึ้นของแรงสนับสนุนจากรายจ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุน ซึ่งสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี และงบประมาณรายจ่ายเหลื่อมปี ประจำปีงบประมาณ 2568
- การขยายตัวของการอุปโภค-บริโภคในประเทศ ตามแนวโน้มการขยายตัวของการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทน และหมวดบริการ อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ย
- การปรับตัวดีขึ้นของการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร และหมวดยานพาหนะ สอดคล้องกับการเร่งขึ้นของประมาณการนำเข้าสินค้าทุน และสินค้าวัตถุดิบขั้นกลาง รวมถึงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของการขอรับการส่งเสริมการลงทุน และพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม
ปัจจัยเสี่ยง :
- ผลกระทบจากการดำเนินมาตรการภาษีศุลกากรนำเข้าของสหรัฐฯ ผ่านผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกสินค้าของไทย และผลกระทบจากการลดลงของความต้องการสินค้าที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิต และผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าที่เร่งตัวสูงขึ้นก่อนที่มาตรการภาษีของสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้
- ภาระหนี้สินครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ภายใต้มาตรฐานสินเชื่อที่มีความเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งแม้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนล่าสุด จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 87.4% ต่อ GDP แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในระดับที่สูง ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ และการใช้ข้อมูลแวดล้อมในการพิจารณาความเสี่ยงของผู้กู้ให้มากขึ้น ขณะที่คุณภาพสินเชื่อครัวเรือน และคุณภาพสินเชื่อภาคธุรกิจ SME มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการให้สินเชื่อ
- การชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ราว 33 ล้านคน จากประมาณการเดิมที่ 37 ล้านคน โดยเป็นการลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติในกลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short-haul) โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีนเป็นสำคัญ ซึ่งคาดว่าปีนี้นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยจะอยู่ที่ราว 4 ล้านคน จากเดิมคาดไว้ 6 ล้านคน แต่ในส่วนของค่าใช้จ่ายรายหัวของนักท่องเที่ยว คาดว่าจะดีขึ้นมาอยู่ที่ 47,000-48,000 บาท/คน
- ความผันผวนของราคาและผลผลิตภาคเกษตร ซึ่งการที่ผลผลิตทางการเกษตรมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น จะสร้างแรงกดดันให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวลดลง ขณะเดียวกัน ยังมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับปัญหาอุทกภัยในช่วงปลายปีนี้
- ความผันผวนของเศรษฐกิจ และปริมาณการค้าโลก โดยมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญ ความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ และความเสี่ยงของเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา และเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่
#สภาพัฒน์ปรับจีดีพี #จีดีพีปี68 #สภาพัฒน์ #ข่าวจริง #thefacts #facts #fact


 
                                             
                                            