น้ำมัน-อาหารสดแพง ดันเงินเฟ้อ ส.ค.65 พุ่ง 7.86% สูงสุดรอบปี
น้ำมัน-อาหารสดแพง ดันเงินเฟ้อ ส.ค.65 พุ่ง 7.86% สูงสุดรอบปี ด้านพาณิชย์ คาดหลังจากนี้แนวโน้มทยอยลดลง โดยทั้งปีจะอยู่ที่ระดับ 6%
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนส.ค.65 เท่ากับ 107.46 เพิ่มขึ้น 7.86% เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.64 ซึ่งเป็นการสูงสุดในรอบปี ส่วนเมื่อเทียบกับก.ค.65 เพิ่มขึ้น 0.05% สำหรับเงินเฟ้อรวม 8 เดือนปี 65 (ม.ค.-ส.ค.) เพิ่มขึ้น 6.14% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานที่หักอาหารสดและพลังงานที่มีความผันผวนด้านราคาออก ดัชนีอยู่ที่ 103.59 เพิ่มขึ้น 0.09% เมื่อเทียบกับเดือนก.ค.2565 และเพิ่มขึ้น 3.15% เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.2564 และเฉลี่ย 8 เดือนเพิ่มขึ้น 2.16%
ปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น สาเหตุหลักยังคงเป็นสินค้ากลุ่มพลังงาน ที่เพิ่มขึ้น 30.50% แม้ราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์จะลดลง แต่ราคาน้ำมันดีเซล ก๊าซหุงต้ม และค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นต้นทุนการขนส่งและการผลิตยังคงสูง รวมทั้งค่าบริการ เช่น ค่าโดยสารสาธารณะ และค่าการศึกษาที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้สินค้าในหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 6.83% ส่วนสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่ม 9.35%
โดยเฉพาะผักสด เช่น พริกสด ต้นหอม ผักคะน้า ราคาปรับสูงขึ้นเนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในหลายจังหวัด รวมทั้ง เนื้อสุกร ไก่สด ไข่ไก่ เครื่องประกอบอาหาร และอาหารสำเร็จรูป อย่างไรก็ตาม มีสินค้าอีกหลายรายการที่ปรับลดลง เช่น ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว เสื้อและกางเกงบุรุษ น้ำยารีดผ้า น้ำยาถูพื้น เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เตารีด เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า และเครื่องรับโทรศัพท์มือถือ
นายรณรงค์กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อไทยถึงจุดสูงสุดแล้ว โดยขณะนี้มีระดับทรงตัว และคาดว่าเดือนก.ย.65 จะเริ่มปรับตัวลดลง โดยเป้าหมายเงินเฟ้อทั้งปี 65 ยังคงประเมินไว้ 5.5-6.5% มีค่ากลาง 6% และมีปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตาม เช่น ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ ต้นทุนสินค้านำเข้า ความผันผวนของค่าเงินบาท การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ราคาพลังงานปลายปี ส่วนปัจจัยภายใน ได้แก่ ราคาสินค้าและบริการ ทยอยปรับเพิ่มขึ้น โดยผู้ผลิตยอมรับได้ ผู้บริโภคไม่กระทบเกินไป ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงต่อเนื่อง


