เปิด 15 สินค้าไทยเสี่ยงหนัก หลังทรัมป์ขึ้นภาษี 37% การค้าจ่อพังแสนล้าน

เปิด 15 สินค้าไทยเสี่ยงหนัก หลังทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีไทย 37% ภาคการค้าไทย จับตาหากรัฐบาลเจรจาไม่สำเร็จ ภายใน 1 ปี จะเสียหาย 2.6 หมื่นล้านเหรียญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้แถลงเมื่อวันพุธ(2 เม.ย.) ในการออกมาตรการภาษีตอบโต้กับประเทศคู่ค้าทั่วโลก โดยจะเก็บภาษีพื้นฐาน 10% สำหรับสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าสหรัฐฯ และบวกเพิ่มสำหรับอีกหลายสิบชาติ รวมถึงคู่ค้าหลักของอเมริกาบางประเทศ ซึ่งในส่วนไทยจะโดนเก็บภาษีถึง 36-37%
ทรัมป์ กล่าวว่า “นี่คือการประกาศเอกราชของเรา โดยมาตรการภาษีตอบโต้นี้ เป็นการตอบโต้การเก็บภาษีและอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีอื่นๆ ที่ชาติอื่นกำหนดเล่นงานสินค้าอเมริกา โดยสินค้านำเข้าจากจีนจะถูกรีดภาษีเพิ่มอีก 34% จากเดิมเพิ่มมาแล้ว 20% ส่วนบรรดาพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯก็ไม่รอด ในนั้นรวมถึงสหภาพยุโรป ที่เจอกับการรีดภาษี 20%
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มว่า มาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน และจะครอบคลุมทั้งหมดราวๆ 60 ประเทศ แต่มาตรการรีดภาษีพื้นฐาน 10% จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันเสาร์(5เม.ย.)
นอกจากนี้ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งปิดช่องโหว่ทางการค้า ยกเลิกกฎ de minimis ซึ่งเป็นกฏที่กำหนดมูลค่าขั้นต่ำในการนำเข้าสินค้าโดยไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งในปัจจุบันสหรัฐฯ อนุญาตให้สินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร ทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องจ่ายภาษีนำเข้าหากสั่งสินค้าไม่เกิน 800 ดอลลาร์ต่อวัน คำสั่งนี้ครอบคลุมสินค้าจากจีนและฮ่องกง และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐฯขึ้นภาษีตอบโต้ไทย 36-37% ว่า รู้สึกตกใจที่สหรัฐฯประกาศเก็บภาษีไทยในอัตราสูงมาก เกินกว่าความคาดหมาย โดยสหรัฐฯได้คำนวณจากอัตราภาษีที่คู่ค้า เก็บจากสหรัฐฯ และสหรัฐฯเก็บจากคู่ค้า รวมถึงมาตรการกีดกันทางการค้าต่าง ๆ ซึ่งของไทยคำนวณได้ 72% และหาร 2 เท่ากับ 36% แต่ไทยมีคณะทำงานที่เตรียมความพร้อมในการเจรจากับสหรัฐฯไว้แล้ว
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ คาดว่า ถ้าสหรัฐฯขึ้นภาษีตอบไทย 11% จะทำให้การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบ 7,000-8,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯในช่วง 1 ปี ซึ่งหากไทยไม่ทำอะไรเลย หรือถ้าเจรจาต่อรองกับสหรัฐแล้ว ไม่เป็นผลสำเร็จ จะทำให้ไทยสูญเสียการส่งออก แต่ขณะนี้สูงถึง 36-37% ก็อาจเสียหายใกล้เคียง 2.5-2.6 หมื่นล้านเหรียญฯ หรือคิดเป็นเงินไทยหลายแสนล้านบาท
กระทรวงพาณิชย์ ได้ประเมิน รายการสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ 15 รายการ ดังนี้
- โทรศัพท์มือถือ มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ปี 67 เท่ากับ 6,846 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ปี 67 เท่ากับ 6,095 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ยางรถยนต์ มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ปี 67 เท่ากับ 3,513 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เซมิคอนดักเตอร์ มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ปี 67 เท่ากับ 2,472 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- หม้อแปลงไฟฟ้า มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ปี 67 เท่ากับ 2,088 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ชิ้นส่วนอุปกรณ์การพิมพ์ มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ปี 67 เท่ากับ 1,501 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ชิ้นส่วนรถยนต์ มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ปี 67 เท่ากับ 1,404 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- อัญมณีและเครื่องประดับ มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ปี 67 เท่ากับ 1,387 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เครื่องปรับอากาศ มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ปี 67 เท่ากับ 1,273 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- กล้องถ่ายรูป มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ปี 67 เท่ากับ 1,107 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เครื่องปรินเตอร์ มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ปี 67 เท่ากับ 1,053 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- วัตถุดิบอาหารสัตว์ มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ปี 67 เท่ากับ 870 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ปี 67 เท่ากับ 861 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ข้าว มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ปี 67 เท่ากับ 797 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ตู้เย็น มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ปี 67 เท่ากับ 742 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
#ทรัมป์ #ภาษีตอบโต้ #ไทยถูกเก็บภาษี36 #15สินค้าเสี่ยง #ข่าวจริง #thefacts #facts #fact