ส่งออกปี 67 โต 10 ล้านล้าน สูงประวัติการณ์ แต่ขาดดุลการค้า 3.4 แสนล้าน

ส่งออกปี 67 ทะลุเป้า 10 ล้านล้านบาท เติบโต 5.4% สินค้ายางพารา ไก่สดคอมพิวเตอร์โตเด่น แต่ยอดขาดดุลทั้งปียังสูง 3.4 แสนล้าน
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) เปิดเผยว่า ยอดการส่งออกและนำเข้าทั้งปี 67 มีมูลค่า 300,529.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.4% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1-2% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า10.54 ล้านล้านบาทสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การนำเข้ามูลค่า 306,809.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.3% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 10.89 ล้านล้านบาท ขาดดุลการค้า 6,280.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 347,721 ล้านบาท
ส่วนการส่งออกเดือน ธ.ค.67 มีมูลค่า 24,765.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.7% ขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน คิดเป็นเงินบาท 853,305 ล้านบาทการนำเข้ามีมูลค่า 24,776.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.9% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า863,930 ล้านบาท ขาดดุลการค้า 10.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินบาท10,625 ล้านบาท
สำหรับการส่งออกที่เพิ่มขึ้น มาจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเพิ่ม 8.9% โดยสินค้าเกษตร เพิ่ม 10.7% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 6.7% โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ ยางพารา ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง อาหารสัตว์เลี้ยงผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และผลไม้กระป๋องและแปรรูป ส่วนสินค้าที่หดตัว อาทิ ข้าว และน้ำตาลทราย ทั้งนี้ ปี67 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่มขึ้น 6%
ขณะที่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 11.1% โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูปเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด ทั้งนี้ ปี 67 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่ม 5.9%
นายพูนพงษ์กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกในเดือน ม.ค.68 คาดว่าจะยังคงส่งออกได้ดีและจะขยายตัวเป็นบวกได้ต่อเนื่อง ส่วนทั้งปี 68 ยังคงยืนเป้าหมายเดิม 2-3% โดยปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงในระดับปัจจุบันแรงกดดันจากเงินเฟ้อและดอกเบี้ยระดับต่ำ การย้ายฐานการผลิตมายังกลุ่มประเทศอาเซียน รวมถึงไทยมากขึ้น และการเร่งส่งเสริมการใช้ซอฟต์พาวเวอร์ เชื่อมโยงเข้ากับสินค้าส่งออกเพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้เป็นที่จดจำในระดับโลก
ส่วนปัจจัยท้าทายต่อการส่งออก คือ ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯซึ่งกระทบกับบรรยากาศการค้าโลก ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อยาวนาน ความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งในส่วนของนโยบายทรัมป์ 2.0 นายพิชัย นริพทะพันธุ์รมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามอย่างใกล้ชิด และเตรียมการรับมือร่วมกับภาคเอกชน และมีแผนที่จัดคณะผู้บริหารเดินทางไปสหรัฐฯ ในเดือนก.พ.68 เพื่อหารือกับทางการสหรัฐฯ ในเรื่องความร่วมมือการค้า การลงทุน ภาษีนำเข้า และการหาทางป้องกันไม่ให้ไทยได้รับผลกระทบจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาเรื่องที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับไทย
#fact #facts #thefacts #ข่าวจรืง #ส่งออก67 #ขาดดุลการค้า #ส่งออก68