ลุ้นพรุ่งนี้ ประกาศยกหนี้โควิด”ออมสิน-ธกส.” 1 ล้านราย พักหนี้ เอสเอ็มอี 10 ล้าน
พรุ่งนี้ นายกฯ นั่งหัวโต๊ะใหญ่ แก้หนี้ในระบบ ลูกหนี้โควิด ออมสิน-ธกส.นับ 1 ล้านรายลุ้นรับยกหนี้ เอสเอ็มอี 6 หมื่นรายได้พักหนี้ 10 ล้าน กยศ.ประกาศช่วยลูกหนี้-คนค้ำกว่า 5 ล้านราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ หลังการประชุม ครม.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง จะเปิดแถลงข่าวใหญ่ถึงมาตรการแก้หนี้ในระบบ ซึ่งเป็นมาตรการต่อเนื่องหลังจากได้ประกาสทำสงครามกับหนี้นอกระบบมาแล้ว เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา โดยมาตรการแก้ปัญหาหนี้ในระบบนี้จะมีผู้ได้รับประโยชน์หลายล้านคน อาทิ การพักหนี้ให้ลูกหนี้กลุ่มเอสเอ็มอี รหัส 21 ตามนิยามของธนาคารแห่งประเทศไทย เฉพาะในส่วนของสถาบันการเงินของรัฐ และอีกส่วนเป็นการช่วยลูกหนี้รายย่อยที่เคยกู้สินเชื่อฉุกเฉินสู้ภัยโควิด 10,000 บาท จากธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่กลายเป็นหนี้เสีย
ทั้งนี้ ในส่วนเอสเอ็มอี จะมีการพักหนี้วงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อราย เป็นเวลา 1 ปี และลดดอกเบี้ยเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งมีลูกหนี้ได้ประโยชน์กว่า 5-6 หมื่นราย ขณะที่ลูกหนี้เอสเอ็มอีของธนาคารพาณิชย์ จะต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลอีกครั้งว่าจะแก้อย่างไร ส่วนสินเชื่อฉุกเฉินโควิด 10,000 บาท จะมีการยกหนี้ที่ค้างจ่ายให้กับคนที่หนี้เสียทั้งหมด ซึ่งเป็นการกู้ตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่แล้วในช่วงเกิดวิกฤตโควิด โดยมีลูกหนี้กว่า 1 ล้านคน โดยจะใช้งบประมาณเดิมที่รัฐบาลก่อน เคยกันไว้มาจ่ายชดเชยความเสียหาย อย่างไรก็ตามคนที่ได้รับยกหนี้จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 12 ธ.ค.นี้ คลังจะเสนอมาตรการแก้ปัญหาหนี้ในระบบเพิ่มเติมให้ที่ประชุมพิจารณา โดยการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเอสเอ็มอี รหัส 21 ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นลูกหนี้ที่จ่ายเงินปกติ ไม่มีประวัติผิดนัดชำระ แต่จากเหตุการณ์โควิดส่งผลให้ไม่สามารถใช้หนี้ได้ กรณีเป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งมี 5-6 หมื่นราย จะพักชำระหนี้วงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อราย เป็นเวลา 1 ปี และลดดอกเบี้ยเป็นกรณีพิเศษ
ส่วนสินเชื่อฉุกเฉินโควิด 10,000 บาท เป็นการกู้ตั้งแต่สมัยรัฐบาลชุดที่แล้วในช่วงเกิดวิกฤตโควิด ซึ่งขณะนี้มีลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียแล้วกว่า 1 ล้านคน ดังนั้นจะมีการยกหนี้ที่ค้างจ่ายให้กับคนที่ยังเป็นหนี้เสียทั้งหมด ซึ่งกลไกที่รัฐบาลช่วยนั้น ไม่ได้สร้างความเสียหายเพิ่มเติมต่อรัฐ เนื่องจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบ ในการกันวงเงินเพื่อชดเชยความเสียหายไว้แล้ว ที่ 50% ของวงเงินทั้งหมดที่ 30,000 ล้านบาท ดังนั้นก็จะนำเงินส่วนนี้มาช่วยลูกหนี้ที่เป็นแอลพีแอลได้กว่า 1 ล้านราย และยังช่วยแบงก์รัฐได้อีกด้วย
“ที่ผ่านมามีลูกหนี้หลายคนเข้าใจผิดว่า สินเชื่อฉุกเฉินนั้นเป็นมาตรการแจกเงินช่วยเหลือของรัฐ ทำให้พอใช้เสร็จก็ไม่กลับมาผ่อนกลายเป็นหนี้เสียโดยไม่คาดหมาย ดังนั้นรัฐจึงพยายามเข้าไปช่วยเพื่อให้กลับมาเป็นลูกหนี้สถานะปกติ และลูกหนี้กลุ่มนี้ก็ไม่ได้ต้องผ่อนคืนรัฐอีกต่อไป”
รายงานข่าวแจ้งว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จะมีการประกาศความคืบหน้าแผนแก้หนี้ให้ลูกหนี้กว่า 2-3 ล้านคน รวมถึงคนค้ำประกันอีก 2 ล้านราย รวมกว่า 5 ล้านราย โดยเบื้องต้นจะลดเบี้ยปรับจาก 7.5% เหลือ 0.5% ปรับลำดับการผ่อนหนี้ จากเดิมตัดเบี้ยปรับก่อน ตามด้วยดอกเบี้ย และเงินต้น มาเป็นตัดเงินต้นก่อน ดอกเบี้ย และตามด้วยเบี้ย ซึ่งจะทำให้ตัดเงินต้นให้หมดอย่างรวดเร็ว รวมถึงคนผ่อนชำระเกินก็จะได้รับเงินคืนอีกด้วย นอกจากนี้ จะมีการเปิดให้ลูกหนี้ที่ถูกฟ้อง บังคับคดี หรือขายทอดตลาดให้เข้ามาปรับโครงสร้างหนี้กับ กยศ.ได้
#แก้หนี้ในระบบ #นายกแก้หนี้ #กยศ #ลูกหนี้โควิด #หนี้ออมสิน #ยกหนี้โควิด #หนี้ธกส #ข่าวจริง #เศรษฐา #Thefacts #Thefactsnews
