ภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ สนับสนุน ร.ร.โสตศึกษาอนุสารสุนทร เชียงใหม่

ภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ กรรมการบริหารมูลนิธิเจษฎาเทคนิคมิวเซียม เดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่เพื่อศึกษาดูงานการจัดการศึกษาพิเศษสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
ดร.ภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ กรรมการบริหารมูลนิธิเจษฎาเทคนิคมิวเซียม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่เพื่อศึกษาดูงานการจัดการศึกษาพิเศษสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน รวมทั้งนำเงินมาสนับสนุนเป็นทุนอาหารกลางวันและเป็นทุนในการทำกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้งเยี่ยมชมกิจการของโรงเรียน โดยมี พลตรีหญิงนวรัตน์ บวรศักดิ์ และคุณภัทรียา พรหมณะ คณะที่ปรึกษามูลนิธิเจษฎาเทคนิคมิวเซียมเป็นผู้แนะนำโรงเรียนแห่งนี้ให้ตนได้รู้จักและเป็นผู้ประสานงานให้
ดร.ภาคภูมิ กล่าวว่า วันนี้ตนได้รับเกียรติจาก นายอัมรินทร์ พันธ์วิไล ผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมด้วยคณะครูและบุคลากรของโรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทรประกอบด้วย นางสาวดวงเดือน คำมูลสุข รองผู้อำนวยการโรงเรียน, นางปรียาวรรณพัฒนกุล ครู คศ.3, นางสุภาภรณ์ พันธ์วิไล ครู คศ.3, นางสาววีราภรณ์ สุวรรณเมือง ครูคศ.3,นางฉัตรลดา เขียวออน ครู คศ.3, นางนิภาพร เกิดไทย
ครู คศ.3, นางสายอรุณ ณ ลำพูน ครู คศ.3, นางศุภาพิชญ์ ตาคำมา ครู คศ.2, นายอิทธิพล ต๊ะศรี ครู คศ.2, นางกรรณิการ์ สีนวลตา ครู คศ.2, นางสาวอภิชญา ศรีทอง ครูคศ.2, นางวณัฐ หอมนาน ครู คศ.1, นายสมพร สีนวลตา ครู คศ.1, นางสาวอำภา กุลปรียาพงศ์ ผู้ช่วยครู (งานอาชีพ) และนางสาวนันท์นภัส เก้งสุข ผู้ช่วยครู (งานอาชีพ) ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง
“หลังจากรับฟังคำบรรยายจากท่านผู้อำนวยการโรงเรียนแล้ว ตนรู้สึกประทับใจในการบริหารงานและวิสัยทัศน์ในเรื่องการส่งเสริมอาชีพให้กับน้องๆ ของท่านผู้บริหารและคณะครูเป็นอย่างมาก โรงเรียนแห่งนี้มีความคล้ายคลึงกับโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนครปฐม เพราะเป็นโรงเรียนที่มีการส่งเสริมอาชีพ การฝึกทักษะการดำรงชีวิตให้กับนักเรียนเมื่อจบการศึกษาไปจะได้ประกอบสัมมาอาชีพและพึ่งพาตนเองได้
อาทิ มีร้านกาแฟ คาเฟ่ เดอ โสต (Cafe’ de Sot) ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติไม่ว่าเป็น เกาหลี ญี่ปุ่น จีน เยอรมัน และประเทศอื่นๆ อีกมากมาย เปิดขึ้นมาเพื่อส่งเสริมกิจกรรมให้นักเรียนผู้บกพร่องทางการได้ยินได้มีโอกาสฝึกฝนทักษะด้านอาชีพการขายเครื่องดื่ม และงานภาคบริการ และยังมีการสอนทำเบเกอรี่ ขนมต่างๆ เพื่อให้สามารถต่อยอดอาชีพในวันข้างหน้าได้ นอกจากนี้ยังมีการใช้บริการเช่าสถานที่เพื่อการอบรมและสัมมนาอีกด้วย ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างรายได้ให้กับน้องๆ ในระหว่างเรียนแล้ว ยังจะเป็นทุนในการใช้จ่ายเพื่อกิจการต่างๆ ของโรงเรียนเช่น ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า
สำหรับปัญหาที่พบคือ ค่าน้ำ ค่าไฟ ยังแพงอยู่ จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้มีมาตรการช่วยลดค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า หรือเพิ่มงบประมาณในส่วนนี้ สำหรับโรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียนผู้มีความบกพร่องทางด้านร่างกายและสติปัญญา เพื่อแบ่งเบาภาระที่โรงเรียนจะต้องรับผิดชอบได้อีกหนึ่งช่องทาง”
ดร.ภาคภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ขอขอบคุณท่านผู้อำนวยการโรงเรียน ที่กรุณาเลี้ยงกาแฟ และได้กรุณาบรรยายให้ความรู้ต่างๆ และยังนำชมโรงเรียนด้วยตนเอง ซึ่งบรรยากาศภายในโรงเรียนร่มรื่นมาก มีน้ำตก และพรรณไม้ต่างๆ อากาศเย็นสบายเห็นแล้วสบายตา สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
ท่านผู้อำนวยการเป็นผู้ที่มีความใส่ใจในทุกรายละเอียดและมีความมุ่งมั่นพัฒนาโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ตนจึงเชื่อมั่นว่าการอบรมเลี้ยงดูนักเรียนแบบมืออาชีพ ความเมตตา และยึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารงาน จะทำให้โรงเรียนแห่งนี้ประสบความสำเร็จและผลิตนักเรียนที่มีคุณภาพสู่สังคมได้เป็นอย่างดีอย่างแน่นอน”
“หากมีโอกาสผ่านมาตนจะมาทำบุญเรื่อยๆ เพราะมีบ้านและมีธุรกิจอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่อยู่พอสมควร และตนเล็งเห็นว่าการสนับสนุนเงินทุนหรือการแวะมาอุดหนุนผลิตภัณฑ์ของโรงเรียน จะช่วยขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนพิเศษเหล่านี้ เด็กทุกคนก็คืออนาคตของชาติ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ หากเราไม่พัฒนาเด็กในวันนี้ ไปพัฒนาตอนโตแล้วคงจะไม่ทันการ”
ดร.ภาคภูมิ กล่าวปิดท้ายว่า “สำหรับองค์กรที่มีทุนทรัพย์ หรือสนใจทำกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ CSR ซึ่งช่วงนี้ใกล้เทศกาลสงกรานต์ หรือปีใหม่ไทยแล้ว หลายท่านทำบุญกับวัดมาเยอะแล้ว ตนจึงขอเชิญชวนให้มาทำบุญกับเด็กนักเรียนผู้บกพร่องทางการได้ยิน โดยสามารถติดต่อโรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร จังหวัดเชียงใหม่ ได้ที่ คุณครูอภิชญา ศรีทอง (ครูปุ้ย) หมายเลขโทรศัพท์ 089-1917966 และ 081-7541015”
พลตรีหญิง นวรัตน์ กล่าวว่า “วันนี้คุณเจษฎา เดชสกุลฤทธิ์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเจษฎาเทคนิคมิวเซียม ซึ่งเป็นคุณพ่อของ ดร.ภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ ได้ฝากเงินมาทำบุญ จำนวน29,000 บาท เพื่อให้โรงเรียนใช้จ่ายได้ตามวัตถุประสงค์ ส่วนคณะที่ปรึกษามูลนิธิเจษฎาเทคนิคมิวเซียมและสมาชิกก๊วนตัวตึงเตรียมทหารรุ่น 10 (รุ่นเดียวกับดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) อาทิ พลเอก วุทธิ์ วิมุกตะลพ และพลเรือเอกชัยวัฒน์ พุกกะรัตน์ ได้สนับสนุนเงินมาจำนวน 25,000 บาท เพื่อซื้อเครื่องอุปโภคและบริโภคมาให้กับทางโรงเรียนอีกด้วย เพราะท่านตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาต่อการพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยทุกคน”
ด้าน นายอัมรินทร์ กล่าวว่า โรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทรเป็นโรงเรียนรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2524 โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กระทรวงศึกษาธิการรับโอนโรงเรียนอนุสารสุนทร 2 (สอนคนหูหนวก) ของมูลนิธิอนุสารสุนทรเพื่อสงเคราะห์คนหูหนวก ที่เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2518 มาดำเนินการจัดตั้งเป็นโรงเรียนการศึกษาพิเศษ บริการการศึกษาแก่นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินสังกัดกองการศึกษาพิเศษ กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
โดยใช้ชื่อว่า “โรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร จังหวัดเชียงใหม่” เป็นโรงเรียนการศึกษาพิเศษประเภทประจำ และไป–กลับ เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ปัจจุบันมีนักเรียน 213 คน มีคณะครูและบุคลากร รวม 85 คน
“สำหรับเรื่องหลักสูตรการเรียนการสอน โรงเรียนของเราใช้หลักสูตร โดยยึดตามกระทรวงศึกษาธิการ คือหลักสูตรปฐมวัย และหลักสูตรขั้นพื้นฐาน และโรงเรียนได้เพิ่มเติมหลักสูตรที่ 3 ขึ้นมา คือ หลักสูตรภาษามือไทย ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมในด้านการจัดการศึกษา ที่ได้จัดทำหลักสูตรรายวิชาภาษามือไทยสำหรับสอนนักเรียนทุกชั้นเรียน เนื่องจากภาษาแม่ หรือภาษาที่ 1 ของคนหูหนวกคือภาษามือไทย ดังนั้นก่อนที่คนหูหนวกจะเรียนรู้ภาษาไทย เด็กจะต้องเรียนรู้ภาษามือไทยให้ดีก่อน
และอีก 1 นวัตกรรมของโรงเรียนคือมีผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญด้านภาษามือไทยโดยเฉพาะ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาและการนิเทศการจัดการเรียนการสอน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ เพราะจากผลการดำเนินงานของโรงเรียนที่ผ่านมาคือทำให้ทั้งครู และนักเรียนมีพัฒนาการในการเรียนรู้ด้านภาษามือดีขึ้นมาก และงานในส่วนนี้ควรได้รับการส่งเสริมให้มีการจัดจ้างแบบโครงการในระยะยาว
โดยกระทรวงศึกษาธิการ หรือภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา ทั้งสำหรับสถานศึกษาของเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน และสถานศึกษาเฉพาะความพิการอื่น ๆด้วย
นอกจากการให้ความรู้ขั้นพื้นฐานแล้ว ทางโรงเรียนยังได้จัดกิจกรรมนอกสถานศึกษาบ่อยครั้ง เพื่อเสริมโอกาสในการเรียนรู้ การฝึกทักษะการดำรงชีวิต และทักษะอาชีพให้แก่นักเรียนให้กว้างขวางยิ่งขึ้นต่อไป ส่วนเรื่องการส่งนักเรียนไปทำงานตามสถานประกอบการต่างๆ เป็นการส่งเสริมให้นักเรียนหารายได้ระหว่างเรียน ตรงตามนโยบาย “Learn to Earn” ของกระทรวงศึกษาธิการ”
นายอัมรินทร์ กล่าวปิดท้ายว่า “ตนและคณะครูทุกท่าน จะทำตามภารกิจหลักของโรงเรียน คือ นักเรียนที่จบการศึกษาจากโรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร จังหวัดเชียงใหม่ จะต้องเป็นคนดี ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข และมีพื้นฐานทักษะการงานอาชีพ สามารถพึ่งพาตนเองได้แม้จะไม่ได้ยินเสียง โดยโรงเรียนแห่งนี้จะเป็นแหล่งเรียนรู้ที่บ่มเพาะพื้นฐานการงานอาชีพ ให้เด็กรักการทำมาหากินเลี้ยงชีพตัวเองได้
และในปี 2568 นี้ตนก็จะเกษียณอายุการทำงานแล้ว จึงขอฝากไปถึงหน่วยงานหรือท่านผู้ใจบุญสามารถสนับสนุนทุนการศึกษาข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์การเรียนที่จำเป็นให้กับโรงเรียนโสตศึกษาได้ทั้ง 21 แห่งทั่วประเทศ ไม่จำกัดแค่โรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร จังหวัดเชียงใหม่ เท่านั้น สะดวกหรือใกล้ที่ไหนท่านสามารถไปสนับสนุนได้ที่นั่น ทั้งนี้เพื่อสานต่อโอกาสทางการศึกษาและเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของเด็กๆ ต่อไป”
#facts #thefacts #fact #ข่าวจรืง #ภาคภูมิเดชสกุลฤทธิ์ #มูลนิธิเจษฎาเทคนิคมิวเซียม