ขุนคลัง จ่ออัดฉีด แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 5 แสนล้าน รับมือทรัมป์ป่วนโลก

ขุนคลัง จ่ออัดฉีด แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 5 แสนล้าน รับมือเศรษฐกิจโลก ทรัมป์ ปลุกกำลังซื้อ ลงทุน ดันซอฟท์โลน เพิ่ม
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดจีดีพีไทยปี 68 จาก 2.9% เหลือ 1.8% ว่ามองว่าเป็นการประเมินเบื้องต้น ซึ่งของจริงยังไม่รู้ว่าลดเท่าไร แต่ไม่น่าถึงขนาดนั้น เพราะว่าสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่แน่นอนและมีการเปลี่ยนแปลงตลอด แต่ ยอมรับว่าอาจมีผลกระทบบ้าง ซึ่งรัฐบาลมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมออกมาตรการมาดูแลกระตุ้นเศรษฐกิจ ชดเชยส่วนจีดีพีที่จะลดลงไป เพื่อรักษาให้เติบโตได้ในระดับเดิม
“แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ จะต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะทำให้เกิดแรงขับเคลื่อน ซึ่งส่วนตัวมองว่าน่าจะต้องใช้เม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งจะโฟกัสไปเรื่องในประเทศ ซึ่งจะดูทั้งการกระตุ้นการบริโภค และการลงทุนในประเทศ ตลอดจนซอฟท์โลน ส่วนที่มาของแหล่งเงินจะต้องดูเพราะมีหลายทาง โดยขณะนี้ก็ได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสภาพัฒน์รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างใกล้ชิด
ส่วนผลกระทบต่อภาระหนี้สาธารณะนั้น ไม่อยากให้มองเรื่องหนี้ เพราะหลายหลายประเทศก็มีหนี้สูงกว่า แต่สิ่งสำคัญคือหากมีการใช้เงินมาจะนำมาใช้ทำอะไรซึ่งถ้าสามารถทำให้ขนาดเศรษฐกิจเติบโตขยายตัวได้กว่าเดิมก็จะทำให้สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีปรับลดลงได้
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ยืนยันว่าตอนนี้ฐานะการคลังไทยยังเข้มแข็งส่วนที่รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่กว่า 5 แสนล้าน ปีนี้นั้น ก็ต้องดูว่าจะเข้ามาทำในส่วนไหน ซึ่งมองว่าเรื่องการกระตุ้นการบริโภคก็จะเกิดผลได้ไว แต่เรื่องการลงทุนก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำที่ต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
สำหรับแหล่งเงินที่มาตอนนี้ยังไม่สรุปว่าจะเป็นการกู้หรือไม่เพราะสามารถทำได้จากหลายวิธีทั้งการเกลี่ยงบประมาณ รวมถึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 150,000 ล้านบาท ที่มีเหลืออยู่ก็ต้องดู ตลอดจนสามารถนำเงินสถาบันการเงินของรัฐเข้ามาปล่อยสินเชื่อเพื่อเติมเงินเข้าเศรษฐกิจได้อีกทาง ซึ่งหลังจากนี้จะต้องรอดูการสรุปโครงการซึ่งน่าจะมีความชัดเจนในเดือนหน้า ตลอดจนสถานการณ์เศรษฐกิจโลกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรอีกหรือไม่
ส่วนการขยายเพดานนี่เป็น 75-80% นั้นมองว่าเรื่องเพดานหนี้ไม่ใช่สาระสำคัญเพราะหลายประเทศก็มีหนี้สูงถึง 80% หรือ 100% ก็ยังทำได้ แต่สิ่งสำคัญคือการกู้เงินมาจะมาทำอะไร รวมถึงดูเรื่องความสามารถในการชำระหนี้คืนด้วย ซึ่งหากรัฐเลือกกู้ 5 แสนล้าน ก็กระทบหนี้สาธารณะเพิ่ม 3% เศษ โดยปัจจุบันหนี้สาธารณะเราอยู่ที่64.21%
#แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ #5แสนล้านกระตุ้นเศรษฐกิจ #รัฐบาลกู้5แสนล้าน #จีดีพีไทย #ภาษีทรัมป์ #ขุนคลัง #ข่าวจริง #thefacts #facts #fact