30 เมษายน 2025
Home » ข่าวเด่น » ขึ้นแล้ว ภาษีความหวานเฟส 4 น้ำหวาน-น้ำอัดลมโดนเก็บสูงสุดลิตร 5 บ.

ขึ้นแล้ว ภาษีความหวานเฟส 4 น้ำหวาน-น้ำอัดลมโดนเก็บสูงสุดลิตร 5 บ.

SHARE THIS

ขึ้นแล้ว ภาษีความหวาน ระยะ 4 เครื่องดื่มน้ำตาลเกิน 10 กรัมต่อลิตร โดนสูงสุด 5 บาท สรรพสามิต ยันไม่กระทบราคาน้ำหวาน น้ำอัดลม ผู้ผลิตแห่ปรับสูตรผลิตหลบภาษี  

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ขณะนี้ กรมสรรพสามิต ได้ประกาศปรับขึ้นภาษีความหวานตามปริมาณน้ำตาล เข้าสู่ระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายแล้ว โดยมีผลตั้งแต่ 1 เม.ย.68 เป็นต้นไป หลังที่ผ่านมาได้สิ้นสุดการใช้ภาษีความหวานระยะที่ 3 ไปเมื่อ 31 มี.ค.68 ที่ผ่านมา  ซึ่งส่งผลให้ผู้ผลิตเครื่องดื่ม หรือสินค้าที่มีความหวาน หากไม่มีการปรับเปลี่ยนสูตรการผลิต โดยลดส่วนผสมจากน้ำตาลลง จะทำให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นตามอัตราภาษีใหม่

 

“การขึ้นภาษีความหวานครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นภาษีใหม่ แต่เป็นการปรับขึ้นแบบอัตราก้าวหน้าทุกๆ 2 ปี ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 60 แล้ว โดยมีเป้าหมายให้ผู้ผลิตสินค้าต่างๆ ลดปริมาณส่วนผสมน้ำตาลหรือความหวานลง เพื่อดูแลสุขภาพคนไทยให้ห่างไกลจากโรคอ้วน เบาหวาน ความดัน หรือโรคภัยอื่น ๆ ซึ่งถ้าผู้ประกอบการไม่ปรับตัว ลดความหวานลงจะเสียภาษีเพิ่ม เช่น ในปีนี้เครื่องดื่มที่มีสารความหวาน 10-14 กรัมต่อลิตร จะเสียภาษีเพิ่มจาก 3 บาท เป็น 5 บาท แต่ในทางกลับกันหากมีการลดความหวานลงไม่เกิน 6 กรัมต่อลิตร ก็จะไม่เสียภาษีเลย”

 

สำหรับอัตราภาษีความหวานระยะที่ 4 ที่เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. 68 เมื่อเทียบกับระยะที่ 3 มีอัตราดังนี้ 

  • กลุ่มปริมาณน้ำตาลต่ำกว่า 6 กรัม คิดภาษีเท่าเดิม 0 บาทต่อลิตร
  • กลุ่มปริมาณน้ำตาล 6-8 กรัม เสียภาษีเพิ่มขึ้นจากอัตรา 3 บาทต่อลิตร เป็น 1 บาทต่อลิตร
  • กลุ่มปริมาณน้ำตาล 8-10 กรัม เสียภาษีเพิ่มขึ้นจากอัตรา 1 บาทต่อลิตร เป็น 3 บาทต่อลิตร
  • กลุ่มปริมาณน้ำตาล 10-14 กรัม เสียภาษีเพิ่มขึ้นจากอัตรา 3 บาทต่อลิตร เป็น 5บาทต่อลิตร
  • กลุ่มปริมาณน้ำตาล 14-18 กรัม คิดภาษีเท่าเดิมที่ 5 บาทต่อลิตร
  • กลุ่มปริมาณน้ำตาลตั้งแต่ 18 กรัม คิดภาษีเท่าเดิมที่ 5 บาทต่อลิตร

 

อย่างไรก็ตาม กรมสรรพสามิต ได้ประเมินว่าการขึ้นภาษีความหวานรอบนี้ จะไม่กระทบให้ราคาเครื่องดื่มที่มีความหวาน หรือน้ำอัดลมราคาเพิ่มขึ้นมากจนกลายเป็นภาระต่อผู้บริโภค เนื่องจากทางผู้ผลิตสินค้าได้ทยอยปรับตัว ลดส่วนผสมน้ำตาลลง หรือหันไปใช้น้ำตาลเทียม หรือสารให้ความหวานอื่นๆ ผสมกับน้ำตาลธรรมชาติ ซึ่งจะส่งผลกระทบด้านสุขภาพจะน้อยกว่าแล้ว

 

ทั้งนี้ เห็นได้จากสถิติการผลิตเครื่องดื่มผสมความหวาน ตั้งแต่ปี 61-66 พบว่าผู้ประกอบการได้ปรับตัว ลดสูตรการผลิตโดยใช้น้ำตาลน้อยลงเพื่อให้เสียภาษีที่ถูกกว่าเดิม อาทิ กลุ่มเครื่องดื่มที่มีความหวานไม่เกิน 6 กรัม  ซึ่งไม่ต้องจ่ายภาษีเลย มีจำนวนสินค้าเพิ่มขึ้นจากปี 61 ที่มีเพียง 90 สินค้า เพิ่มเป็น 4,736 สินค้าในปี 66 หรือกลุ่มเครื่องดื่มที่มีความหวาน 6-8 กรัมที่เสียภาษีต่ำ ก็มีจำนวนเพิ่มจากปี 61 ที่ 758 สินค้า เพิ่มเป็น 2,900 สินค้า

 

สวนทางกับกลุ่มเครื่องดื่มที่เสียภาษีสูง เช่น เครื่องดื่มมีความหวานเกิน 14 กรัม  ลดจำนวนจากที่เคย 819 สินค้าในปี 61 จนปัจจุบันไม่เหลือสินค้ากลุ่มนี้เลย เช่นเดียวกับเครื่องดื่มที่มีความหวาน 10-14 กรัม จากที่เคยมีสินค้ามากถึง 2,993 รายการในปี 61 ก็เหลือเพียง 524 สินค้าในปี 66 เท่านั้น

 

#ภาษีความหวาน #น้ำอัดลม #น้ำหวาน #ขึ้นภาษีความหวาน #ภาษีความหวานระยะ4 #ข่าวจริง #thefacts #facts #fact