กยศ.เรียกลูกหนี้เสียแสนราย ทำสัญญาแก้หนี้ต้นปี ย้ำสูตรตัดหนี้ใหม่ใครผ่อนเกินได้คืน

กยศ.การันตีคำนวณหนี้สูตรใหม่ ช่วยหนี้ลดหมดไว พร้อมคิดย้อนหลังถึงวันเริ่มกู้ คาดระบบเสร็จ พ.ค.67 ขณะที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระแสนคน จะถูกเรียกทำสัญญาแก้หนี้ ม.ค.ปีหน้า  

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยถึงแนวทางการแก้หนี้สินของ กยศ.ว่า  รัฐบาลได้ยกให้การแก้หนี้ กยศ.ขึ้นมาอยู่ในบรรทัดแรกที่ต้องทำแบบเร่งด่วน โดย ภายใต้ พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาฉบับใหม่ จะช่วยแก้หนี้ให้กับลูกหนี้ได้อย่างเป็นรูปธรรมมาก เพราะมีการลดเบี้ยปรับจาก 7.5% เหลือ  0.5% การปรับลำดับการผ่อนหนี้ จากเดิมตัดเบี้ยปรับก่อน ตามด้วยดอกเบี้ย และเงินต้น มาเป็นตัดเงินต้นก่อน ดอกเบี้ย และตามด้วยเบี้ย ซึ่งจะทำให้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ผู้กู้ผ่อนมา จะถูกนำไปตัดเงินต้นให้หมดอย่างรวดเร็ว

ยืนยันสูตรคำนวณใหม่ หนี้หมดไว

นอกจากนี้ กฎหมายใหม่ยังเปิดให้ลูกหนี้ที่ถูกฟ้องถูกบังคับคดี สามารถเข้ามาขอปรับโครงสร้างหนี้หรือแปลงหนี้ให้กลับมามีสถานะผ่อนชำระได้ปกติด้วย  ซึ่งนอกจากจะเป็นผลดีต่อผู้กู้เองแล้ว ยังจะช่วยให้ผู้ที่ค้ำประกันกว่า 2 ล้านคนหลุดพ้นจากความรับผิดได้ เท่ากับว่าจะมีผู้เกี่ยวข้องที่ได้ประโยชน์จากกฎหมายใหม่ทั้งผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันรวมมากกว่า 5-6 ล้านคน

คำนวณหนี้ให้ใหม่ตั้งแต่วันเริ่มกู้

ที่สำคัญหลักการของกฎหมายใหม่ฉบับนี้ จะไปเริ่มมีผลนับหนึ่งตั้งแต่วันที่เริ่มกู้จริง โดยนำเงินที่เคยผ่อนชำระมาแล้วมาคำนวณใหม่ด้วย  เช่น หากกู้วงเงิน 100,000 บาท ที่ผ่านมาผ่อนชำระมาแล้ว 5,000 บาทเงินก้อนนี้เดิมอาจจะต้องไปตัดที่เบี้ยปรับหรือดอกเบี้ยก่อน แต่ในกฎหมายใหม่จะให้มาคำนวณตัดเงินต้นให้เลย ทำให้เงินต้นเหลือเพียง 95,000 บาทอีกทั้งยังสามารถมีเวลาผ่อนต่อได้อีก 15 ปี  หลังจากนั้นหากไม่ผิดนัดชำระเลย ก็จะยกเลิกเบี้ยปรับให้ทั้งหมด

ผ่อนเกินได้รับเงินคืนหลายหมื่นคืน

นายชัยณรงค์กล่าวว่า ระหว่างนี้ กยศ. จะชะลอการฟ้องลูกหนี้ใหม่ ชะลอการบังคับคดีที่ ยกเว้นคดีที่จะขาดอายุความศาลและชะลอการขายทอดตลาดเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้กลับมาเป็นหนี้ดีได้ สำหรับสถานะของกองทุนแม้จะได้รับเงินการผ่อนที่น้อยลงไปบ้าง แต่ข้อดีคือจะช่วยให้ลูกหนี้ที่ไม่เคยผ่อนชำระเลยกว่า 1 ล้านคนกลับมาผ่อนชำระได้อีกครั้ง  ซึ่งจะช่วยชดเชยตัวเงินที่ขาดหายไปจากการคำนวณหนี้ตามกฎหมายใหม่ ซึ่ง กยศ.ประเมินว่าในปีหน้าจะมีเงินจ่ายหนี้เพิ่มขึ้นจาก 2.4-2.6 หมื่นล้านบาทต่อปี เพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาทต่อปี

อย่างไรก็ตาม ลูกหนี้ที่มีสถานการณ์ผ่อนปกติ ขอแนะนำว่าให้ผ่อนหนี้ต่อไป โดยไม่ต้องรอให้ระบบการคิดคำนวณหนี้สูตรใหม่เสร็จสิ้น เพราะหากจ่ายแล้วบังเอิญคำนวณตามสูตรใหม่แล้วมีการจ่ายเกินไป กยศ. ก็พร้อมจะคืนเงินส่วนเกินให้กับผู้กู้แน่นอน เช่น ถ้าจ่ายเกินเงินต้นไปแล้ว 40-50% ก็คาดได้ว่าเป็นการจ่ายเกิน ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าในคนที่ผ่อน 1 ล้าน คน น่าจะมีคนผ่อนเกินเกือบ 10% หรือเป็นจำนวนหลายหมื่นคน แต่จะได้รับเงินคืนน้อยบ้างมากบ้างแตกต่างกัน

ต้นปีเริ่มทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้

ส่วนลูกหนี้ที่ถูกบังคับคดีฟ้องร้อง หรือขายทอดตลาด ที่ต้องการเข้ามาแก้หนี้ กยศ.ก็พร้อมได้เปิดโอกาสให้เข้ามาลงทะเบียนได้ และเข้ามาทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ได้ โดยถือบัตรประชาชนเพียงใบเดียว ปัจจุบันมีลูกหนี้แจ้งมาแล้วหลายแสนคน และกองทุนฯ จะทยอยนัดทำสัญญาการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ตั้งแต่เดือนม.ค. หรือต้นปีหน้าเป็นต้นไป  ซึ่งจะทำสัญญาได้ทุกวันเฉลี่ยวันละ 1,000 คน หรือเดือนละ 30,000 คน อีกทั้งจะมีการเปิดจุดให้บริการชั่วคราว ในพื้นที่ต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ พิษณุโลก นครราชสีมา สงขลา ภูเก็ต เพื่อคอยอำนวยความสะดวกด้วย

“ตัวอย่างของลูกหนี้ เมื่อเข้ามาปรับโครงสร้างแล้ว หากมีมูลหนี้ 100,000 บาท จะผ่อนได้นานถึง 15 ปี ผ่อนชำระเพียงเดือนละ 726 บาทหรือวันละ 23 บาท และยังเลือกผ่อนชำระหนี้ผ่านแอพกยศ. Connect  ได้เป็นรายวัน หรือรายเดือนได้อีกด้วย”

ระบบคำนวณหนี้สูตรใหม่ เสร็จ พ.ค.67

ขั้นตอนการปรับสูตรคำนวณหนี้ใหม่นี้ ขณะนี้กฎหมายมีผลบังคับใช้ไปแล้ว แต่ปัจจุบัน กยศ. อยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบอยู่ ซึ่งอาจใช้เวลาสักเล็กน้อย เนื่องจากมีคนที่เกี่ยวข้องจำนวนมากกว่า 3.5 ล้านคน และรายการเดินบัญชีย้อนหลังอีกกว่า 30 ล้านรายการ แต่น่าจะเสร็จได้ประมาณเดือนพ.ค. 67 ขณะเดียวกัน กยศ.จะมีการดูแลลูกหนี้ในกลุ่มเร่งด่วนที่ถูกกองทุนอายัดเงินเดือนอยู่กว่า 20,000 คน ให้ได้รับสิทธิการคำนวณหนี้ตามสูตรใหม่ ก่อนซึ่งจะเสร็จภายในเดือนธ.ค.นี้

#กยศแก้หนี้ #กยศ #ลูกหนี้กยศ #กยศคำนวณหนี้สูตรใหม่ #กยศนัดทำสัญญาแก้หนี้ #กยศคำนวณหนี้สูตรใหม่ #แก้ข้อพิพาทกยศ #ค้ำประกันกยศ #ข่าวจริง #Thefacts #Thefactsnews